Gag

วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พ่อกับแม่เข้าใจผิดจริงหรือ ?

   เนื่องจากได้อ่านบทความอันหนึ่งจึงรู้สึกอารมณ์ขึ้นมาทันที ไม่ใช่เพราะบทความนี้มีคำหยาบ แต่เพราะแนวคิดมันไม่ใช่ ! แม้เนื้อหามันจะอ่านแล้วดูดี จนโลกโซเชียลแชร์กันสนั่น แหม่มันโดนใจ มันจริง มันใช่เลยชีวิตกรู ในส่วนนี้ผมขอแทรกความคิดเห็นในแต่ละส่วนไปเลยนะครับ

-------------------------------------

พ่อกับแม่เข้าใจผิด!!!

พ่อแม่บอกให้ตั้งใจเรียน
จะได้จบมาทำงานดีๆ บอกให้ขยันๆทำงานมากๆจะได้มีเงินเดือนสูงๆ

- พ่อกับแม่ไม่ได้เข้าใจผิด แต่การที่ให้ตั้งใจเรียนก็เพราะว่าจะได้มีวิชาความรู้ติดตัวไป ในโลกของการทำงานคนที่มีความรู้ก็จะได้เงินเดือนสูงๆ คนขยันก็จะได้เงินเดือนสูง เช่นกัน ดังนั้นพ่อกับแม่เข้าใจผิดตรงไหน ?

ไปโรงเรียนครูก็บอกเราแบบเดียวกับพ่อแม่เลย!!

3 ปีเรียนอนุบาล
6 ปีเรียนประถม
6 ปีเรียนมัธยม
4 ปีเรียนมหาวิทยาลัย

19 ปีเรียนมาเกือบตาย
หมดเงินไปไม่รู้เท่าไร จบมาแม่งเป็นขี้ข้าห้องแอร์เงินเดือน 15,000!!

- คุณครูก็ต้องมองเหมือนพ่อแม่ ที่ต้องการให้ลูกศิษย์ได้ดี เพื่อที่ในอนาคตจะได้ทำงานที่ดี ไม่ต้องเสี่ยงกับความไม่แน่นอน
- 19 ปีเรียนมาเกือบตาย นี่เรียนยังไงหรือครับ ถ้าแค่เรียนยังเกือบตาย แล้วในอนาคตจะทำงานไหวมั๊ย ?
- จบมาเป็นขี้ข้าเงินเดือน 15,000 ผมว่าอย่าใช้คำว่าขี้ข้าเลยครับ ให้ใช้คำว่าลูกจ้างดีกว่า แล้วผมคิดว่าถ้าจบมาแล้วได้เงินเดือน 15,000 มันก็ไม่น้อยเลยนะครับ

เจ้านายแม่งก็หน้าหม้อ
เพื่อนร่วมงานแม่งก็ขี้อิจฉา
ไหนจะลูกค้างี่เง่า!!

- ถ้าคุณตั้งใจเรียนตั้งแต่แรกและมีความสามารถในการทำงานสูง ผมว่าคุณจะไม่เจอสังคมการทำงานแบบนี้นะครับ

ทนๆๆๆๆ
ทนมา3ปี กะจะหาที่ทำงานใหม่
พอได้อ้าววววชิบหาย!!
ที่ใหม่แม่งก็ไม่ต่างจากที่เก่า
เราแค่เปลี่ยนที่ทุกข์!!

- ดูเหมือนว่ากำลังมีปัญหากับที่ทำงานเลยมาเขียนบทความนี้เลยนะ เห็นเน้นว่าทนๆมา 3 ปี เนี่ย แต่จะว่าไปเวลา 3 ปี ถ้าคุณไม่มีความสุขกับที่ทำงาน ทำไมไม่พัฒนาตัวเองขึ้นมาบ้างล่ะ เวลา 3 ปีมีโอกาสพัฒนาได้หลายเรื่องเลย เพื่อไปสู่งานที่ดีกว่า สังคมการทำงานที่ดีกว่า

ตื่นมาแทนที่จะได้กินกาแฟอ่านหนังสือที่ชอบก่อน
ต้องรีบร้อนวิ่งไปหาเครื่องตอกบัตร!!

- ในส่วนนี้ผมว่าคุณบริหารเวลาไม่ดีเองครับ อยากกินกาแฟอยากอ่านหนังสือที่ชอบก่อน ก็ตื่นให้เช้าขึ้นสิครับ อ่านเสร็จก็ขับรถไปทำงานชิลๆ ถึงที่ทำงานแต่เช้าจะได้เตรียมตัวทำงานอย่างเต็มที่

เที่ยง
อยากแดกร้านโปรดแม่งก็ไกล
ทำได้แค่กินข้าวแกงข้างอ็อฟฟิตเพราะกลัวกลับเข้างานไม่ทันเวลา!

- แล้วทำไมไม่กินตอนวันหยุดล่ะครับ (งานไม่มีวันหยุดเลยหรอ) พอมาทำงานก็กินข้าวแกงบ้างไม่เห็นจะเป็นอะไร ได้ประหยัดเงินบ้าง กินเยอะไปเดี๋ยวจะง่วงเอานะครับ


อยากออกจากงานวันละ3เวลาหลังอาหารก็ทำไม่ได้เพราะ...
เสือกผ่อนรถ ไหนจะค่าบัตรเครดิตอีก2-3ใบ
ลาออกไปมีหวังกลับไปนั่งรถเมลล์เหมือนเดิม!!

- ในส่วนนี้คุณสร้างหนี้เกินตัวเองครับ คนที่มีความคิดในการบริหารเงินเขาไม่มานั่งบ่นกับสิ่งที่เขาต้องจ่ายในแต่ละเดือน เขารู้ว่าต้องจ่ายเขาก็จะต้องกันเงินไว้จ่ายอยู่แล้ว จะบ่นทำไม แล้วถึงแม้ลาออกไปนั่งรถเมล์ก็ไม่เห็นจะเป็นไร ประหยัดด้วย อย่าหัวสูงไปหน่อยเลย

ชีวิตค่อยๆเดินลงทะเล ทีละก้าว
ผ่านไป 10 ปี มีลูกยิ่งต้องระวัง
ตกงานมาไม่ใช่เราคนเดียวที่อดตาย ไปทำงานด้วยความจำยอม
เจ้านายจะโขกสับยังไงก็ต้องทน

แต่ก็แปลกอีกนะ....
เราเจอแบบนี้มา เราก็ดันไป สอนลูกเราต่ออีกว่า "ตั้งใจเรียนนะโตขึ้นจะได้ทำงานดีๆ"

- ก็ตัวเองไม่ตั้งใจเรียนให้ดี จึงได้ที่ทำงานที่ไม่ดี แล้วจะไปสอนลูกให้ไม่ตั้งใจเรียนงั้นหรอ มันก็ไม่ถูกปะวะ ต่อให้วันนี้คุณได้ทำงานที่ดีจริง แต่บรรยากาศทำงานมันไม่ใช่ คุณก็ย้ายที่ทำงานสิครับ จะทนแล้วบ่นทำไม

สุดท้ายพอเราตายห่าไป
เราไม่ได้ทิ้งอะไรใว้ให้ลูกเลย
แต่เราทิ้งลูกจ้างใว้ให้โลกไว้ทำงาน
ให้บริษัทคนอื่นให้คนอื่นรวย
นั้นคือ ลูกเรา นั้นเอง!!

- ถ้าจะรังเกียจการเป็นลูกจ้างมาก ให้คุณไปทำประกันชีวิตนะครับ แล้วก็ตายห่าไปอยากปากว่า ลูกคุณจะได้มีทุนประกันไว้ใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตครับ จะได้ไม่ต้องเป็นลูกจ้างไง แถมได้ทุนไปทำธุรกิจด้วย

คิดง่ายๆนะ
อาเฮียร้านจักยาน ตายห่าไป เขาทิ้งกิจการร้านจักรยานใว้ให้ลูก
ลูกรุ่นต่อไปเป็น...เถ้าแก่

ลุงดำ ทำงาน ร้านจักรยานของอาเฮีย ลุงดำตายห่าไป ลุงดำจะมีอะไรทิ้งใว้ให้ลูก?

- ไม่มีอะไรคอนเฟิร์มว่าลูกอาเฮียจะต้องเป็นเถ้าแก่ ถ้าลูกไม่มีความรู้กิจการมันก็ไม่รอดเหมือนกัน
- ลุงดำทิ้งผลงานจากอาชีพของเขาไว้กับกิจการของอาเฮีย และทิ้งความเป็นพ่อที่ต้องทำงานหาเงินให้ลูกได้ซึมซับถึงความพยายาม

คนจะรวยคนจะจน
มันไม่ได้ต่างกันที่จำนวนเงิน
มันต่างกันที่วิธีคิด!!

คุณอยากเห็นตัวเองตอนอายุ 60 เป็นยังไงมันขึ้นอยู่กับการคิดการทำในวันนี้

เลิกทำให้คนอื่นรวย
มาทำให้ตัวเองรวย

- แล้วการเป็นลูกจ้างมันไม่ทำให้ตัวเรารวยตรงไหนครับ เราทำงานให้เขารวย ถ้าเราตั้งใจทำงานเราก็รวยด้วยมันก็ Win Win ไม่ใช่หรือ

แล้วก็อย่าเสือกมาโชว์โง่
ด้วยการบอกว่า ค้าขายไม่เป็น
ทำธุรกิจไม่เป็น ออกมาจากท้องแม่มึงเอาไม่เป็นทำไมตอนนี้มึงเอาเป็นทุกท่า???

- ส่วนนี้ต้องการสื่ออะไรครับ ไม่เข้าใจ ?

เรียนรู้ ศึกษา สิครับ
เริ่มจากสิ่งที่ตัวเองชอบอยากทำ
ทำแล้วมีความสุข

- อ่าวตอนนี้จะให้ศึกษา ตอนแรกบอกพ่อแม่เข้าใจผิด ที่จะให้ลูกตั้งใจเรียน ตกลงเอาไงกันแน่ หรือคำว่าศึกษากับตั้งใจเรียนมันแยกกัน งงครับ

แรกๆอาจจะเจ๊ง
เจ๊งก็ช่างมันยิ่งเจ๊งยิ่งเก่ง
เหมือนหัดขี่จักรยานนั้นแหละ
ต้องมีล้มบ้าง

- ถ้าไม่มีทุนพ่อแม่ คุณเอาเงินที่ไหนสร้างกิจการล่ะครับ และจากตอนแรกที่บอกว่าพ่อแม่เข้าใจผิดที่ให้ลูกตั้งใจเรียน  แล้ววันหนึ่งที่ตั้งธุรกิจคุณเอาความรู้ที่ไหนมาทำธุรกิจล่ะครับ ทำมั่วๆเจ๊ง ทำมั่วๆเจ๊ง เจ๊งแล้วเจ๊งอีก เงินทุนหมด ไปต่อไม่ได้ ชีวิตจบ

เลือกเอา
จะล้มตอนนี้ตอนที่ยังมีแรงลุกได้เร็วหรือล้มตอนอายุ 60 ล้มมานี่ตายห่าเลยนะ???

- จะเป็นมนุษย์เงินเดือน (หรือขี้ข้าในความคิดของเจ้าของบทความ) ที่สร้างฐานะที่ละนิด ศึกษาความรู้จากงานที่ทำทีละหน่อย รู้จักบริหารจัดการเงินที่ได้แต่ละเดือน ตอนอายุ 60 ก็คงมีเงินเก็บพอที่จะใช้จ่ายจวบจนวาระสุดท้าย
- หรือจะเสี่ยงเปิดธุรกิจโดยไม่มีความรู้ ให้ความล้มเหลวสอนเราไปเรื่อยๆ สุดท้ายเงินหมด ตายห่าตอนอายุยังไม่ถึง 60

เลือกเอา


วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

First Impression กับที่ทำงาน

   ในเช้าวันหนึ่งหลังจากทีออยได้เรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองกรุง ซึ่งยังไม่เคยผ่านการทำงานที่ใดมาก่อน ได้ผ่านการสัมภาษณ์งานจากบริษัทที่ตนเองใฝ่ฝันอยากทำมากที่สุด และจะได้เข้าทำงานในเดือนหน้า

   ออยมุ่งมั่นเพื่อที่จะเป็นพนักงานที่ดี เพื่อที่จะได้อัพเงินเดือนขึ้นไปสูงๆ โดยออยได้ตั้งเป้าว่าก่อนอายุ 30 อยากจะมีเงินเดือนประมาณ 30,000 บาท/เดือน โดยปัจจุบันออยเริ่มทำงานเงินเดือน Start 15,000 บาท


   เช้าทำงานวันแรกช่างดูสดใสและน่าตื่นเต้น ออยเดินทางไปถึงที่ทำงานแต่เช้า เพราะยังไม่รู้ว่าลักษณะการทำงานเป็นอย่างไร การไปถึงไวไว้ก่อนคงจะเป็นการดี เพื่อแสดงให้ทุกคนรู้ว่าเราพร้อมที่จะทำงานจริงๆ หลังจากทุกคนในที่ทำงานมากันพร้อมหน้า หัวหน้าก็เรียกออยเข้าไปคุยในห้องทำงาน และพาออยไปทำความรู้จักกับพี่ที่ทำงาน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างเป็นกันเอง

   เข้าสู่ช่วงเวลาการทำงาน ทุกคนขมักเขม้นกับการทำงานกันหมดทุกคน ยกเว้นออยเพียงคนเดียว ด้วยความที่รู้สึกว่าตนเองนั้นไม่มีอะไรทำ จึงไปถามพี่ๆว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่ แต่ทุกคนก็บอกไม่ว่าง ลองไปถามคนนู้นคนนี้ดู แม้ออยจะเขินอย่างมากแต่ก็พยายามเดินไปถามจนครบทุกคน ก็ไม่มีงานให้ออยทำเลย จนกระทั่งช่วงเกือบเที่ยง พี่ที่ทำงานคนหนึ่งซึ่ดูมีความรู้เข้ามาและบอกว่าช่วยทำงานนี้ให้หน่อย ด้วยความที่อยากช่วย ออยจึงตอบตกลงทันที ส่วนพี่คนนั้นก็เดินกลับไปที่โต๊ะเหมือนเดิม

   ออยได้มีงานทำแล้ว แต่ !! งานที่ได้มาไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงถึงจะถูกต้อง แม้จะรู้วิธีการทำจากพี่ที่ทำงานแล้ว แต่ออยก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เอกสารต่างๆยิ่งดูแล้วยิ่งงง ออยเริ่มกังวลว่าจะทำไม่ได้ จึงลองชะเง้อมองพี่คนนั้น ว่าเขาว่างพอที่จะให้ไปถามได้หรือไม่ เมื่อออยเห็นว่าพี่คนนั้นพอจะว่างอยู่ จึงรีบเดินเข้าไปถามทันที

ออย : พี่คะ ไม่ทราบว่าเอกสารนี้ต้องกรอกหมดทุกส่วนเลยหรือเปล่า

พี่ที่ทำงาน : เอ้า ! ก็ต้องกรอกหมดทุกส่วนสิ จะเว้นไว้ทำไม

ออย : เอ่อ ขอโทษค่ะ แต่หนูไม่ทราบว่าตรงส่วนนี้จะดูจากเอกสารไหนถึงจะนำมาใส่ได้น่ะค่ะ

พี่ที่ทำงาน : นี่เรียนมาหรือเปล่าเนี่ย เรื่องแค่นี้ทำไมทำไม่ได้ ถ้าไม่รู้ก็ลองไปถามพี่คนอื่นดูนะ พี่ขอตัวทำงานก่อน

ออยรู้สึกกดดันเพราะถูกว่าเสียงดัง พร้อมกลับตอบไปว่า "อ่อได้ค่ะ"

   ออยรู้สึกผิดอย่างมาก และรู้สึกว่าตนเองเป็นจุดด้อยของสังคมที่ทำงาน ออยกลับมาที่โต๊ะทำงานพร้อมกลับดูเอกสารเหมือนเดิม ซึ่งก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ออยพยายามมองหาคนที่ว่างอยู่ทุกคนกลับตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันหมดทุกคน ออยจึงไม่กล้าเดินเข้าไปถาม เพราะกลัวจะโดนว่ากลับมาอีก

   ออยพยายามดูเอกสารแล้วกรอกในส่วนที่ตนพอจะเข้าใจ ผ่านไปสักพัก หัวหน้างานเดินมาทักทายแล้วถามกับออยว่า "ทำงานเป็นอย่งไรบ้าง งานยากไหม"

ออย : ก็พอได้ค่ะ แต่หนูยังไม่ค่อยเข้าใจว่าส่วนนี้ต้องกรอกยังไงคะ ?

หัวหน้า : เอ้า ! แล้วทำไมไม่ถามพี่ๆคนอื่นล่ะ ถามพี่ๆเค้าได้เลย เวลาเราไม่รู้อะไร

ออย : อ่อได้ค่ะ หัวหน้า ขอบคุณค่ะ

   หัวหน้าเดินออกไปหาลูกค้า ส่วนออยยิ่งเครียดขึ้นไปกว่าเดิม สิ่งที่ออยคิดในตอนนี้คือ

- ไม่สอนงานเราเลย แล้วจะทำงานนี้ได้ยังไงล่ะเนี่ย
-  จะไปถามคนอื่น ก็กลัวคนอื่นว่าอีก จะไม่ถามก็โดนหัวหน้าว่าทำไมไม่ถาม โอย นี่มันอะไรกัน !!
ทำไมการทำงานมันยากลำบากแบบนี้

   ออยเริ่มหัวเสียและเครียดมากขึ้น จนเริ่มคิดว่าตนเองคงจะไม่เหมาะกับงานนี้ เมื่อไรวันนี้มันจะจบเสียที ต่อให้วันนี้จบไป พรุ่งนี้เราก็อาจจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้อีก ไม่เอาแล้วได้ไหม ไม่อยากทำงานแบบนี้แล้ว ต่อจะให้เป็นบริษัทในฝันก็เถอะ แต่บรรยากาศที่ทำงานมันไม่ได้ เราก็คงอยู่ไม่ได้เหมือนกัน

   -------------------------------------------------------------------------------------------------------

   คุณผู้อ่านคงจะได้อ่านกันจบแล้ว หลายคนคงจะรู้สึกสงสารออย ที่ไม่มีใครใส่ใจเลย มันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับใครหลายๆคน ทุกๆคนย่อมกังวลในวันเริ่มงานวันแรก ไม่รู้เราจะทำงานนี้ได้หรือเปล่า มาทำงานก็ไม่รู้จักใครเลยสักคนหนึ่ง ฉันตัวคนเดียวจะเอาตัวรอดได้ไหม แต่สิ่งที่จะทำให้เด็กจบใหม่หรือผู้ที่เริ่มทำงานวันแรกรู้สึกประทับใจมากที่สุด มันคือ "First Impression"

   คนทำงานมาหลายๆปีมักจะไม่ค่อยเข้าใจ และก็จะออกเหตุผลว่า "ถ้าทำไม่ได้ ก็ออกไป มาทำวันแรกยังทำไม่ได้ วันอื่นก็ทำไม่ได้หรอก" เพราะอะไรน่ะหรือ ? เพราะเขาไม่รู้จักตัวตนของเด็กจบใหม่ว่าเขาคิดอย่างไร พอตัวเองผ่านจุดนั้นมาได้ ก็ไม่สนแล้วว่ารุ่นเด็กกว่าเราลงไปจะรู้สึกอย่างไร ผมจึงอยากให้หลายๆคนให้ความสำคัญกับ First Impression กับน้องเข้างานคนใหม่ เพื่อทีจะทำให้น้องๆมีกำลังใจในการทำงาน

   บรรยากาศการทำงานที่ดีเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในหน้าที่การงาน คงจะไม่มีใครหรอกที่จะทำงานที่มีแต่เพื่อนร่วมงานเกลียด สักวันก็คงต้องออกจากจุดนั้นอยู่ดี



    งานอะไรที่รุ่นน้องทำผิดพลาด ให้รู้จักให้อภัย อย่าถือเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ว่าง่ายแบบนี้ทำไมทำไม่ได้ เพราะคุณผ่านการทำงานนั้นมาไม่รู้เท่าไร มันก็ต้องง่ายสิ แต่กับเด็กจบใหม่ มันคือสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน ถ้าเราไม่เป็นวิทยาทานที่ดีให้กับเขาได้ แล้วเขาจะพึ่งใครล่ะ ที่สำคัญคือ ห้ามพูดกับรุ่นน้องว่า "ไปทำมาใหม่" มันไม้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยครับ จริงอยู่ว่าคุณไม่พอใจที่รุ่นน้องทำงานได้ไม่ดีพอ แต่รุ่นน้องที่ได้ยินคำนี้ไป เขาจะรู้สึกอย่างไร เหมือนกับที่คุณเจอหัวหน้าบอกให้ไปทำงานมาใหม่ คุณจะรู้สึกอย่างไร ใจเขาใจเรานะครับ เราอาจจะใช้คำพูดติดตลกอย่างเช่นว่า "เห้ย ! ผิดแล้วๆ 555 มาๆเดี๋ยวสอนให้ ขอทำงานนี้ให้เสร็จแปปนะ" ลองคิดดูว่าคนฟังเขาจะรู้สึกอย่างไรครับ ขนาดทำงานผิดพลาดยังรู้สึกดีเลย เห็นมั๊ย ?

ผมเคยทำงานผิดพลาดในที่ทำงาน จนพี่ที่ทำงานอุทานออกมาว่าไอเห... หากที่คุณผู้อ่านยังเจอไม่หนักกว่านี้ ขอให้ท่านอดทน และสู้ๆนะครับ ทุกวันนี้ผมก็ยังสู้ต่อไป ...