Gag

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ทำยังไงถึงจะรวย VS ทำยังไงถึงจะไม่จน


       เมื่อเราลองค้นหาใน Google มักจะเจอผู้คนถามในกระทู้ต่างๆว่า "ทำยังไงถึงจะรวยครับ" "อยากรวยต้องทำธุรกิจใช่มั๊ยครับ" แต่เคยเห็นบ้างมั๊ยว่ามีใครเคยถามบ้างว่าทำยังไงถึงจะไม่จน คงจะหายากมากๆเลยสินะครับ สาเหตุก็เพราะคนที่ถามว่าทำยังไงถึงอยากรวย มักจะมองไปข้างหน้าว่าอนาคตเราจะต้องไปให้ถึงจุดๆนั้นให้ได้ เช่น อยากมีเงิน 100 ล้าน 1,000 ล้าน จึงต้องเสาะแสวงหาแนวทางหรือวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนในหุ้น การสร้างธุรกิจ การหารายได้เสริม เป็นต้น เพื่อที่จะบรรลุความต้องการดังกล่าว แต่พอให้ทำเข้าจริงๆก็กลับบ่นว่า ขี้เกียจศึกษา ไม่ชอบทำอะไรเสี่ยงๆ สุดท้ายก็ทำได้แปปเดียวแล้วก็เลิกรากันไป

     
ผมอยากให้คุณลองเปลี่ยนความคิดมาที่ "ทำยังไงถึงจะไม่จน" ก็เพราะความคิดแบบนี้เป็นการมองไปข้างหลัง เพื่อให้เห็นว่าความจนกำลังไล่ตามเราอยู่ หลายคนคงจะสงสัยว่า แล้วจะเห็นเจ้าความจนนี้ไปเพื่ออะไร ? ผมก็จะตอบว่า เวลาที่คนเราอยู่ในภาวะวิกฤต หรือในภาวะที่ต้องเอาตัวรอด คนเราก็จะมีความพยายามอะไรบางอย่างที่ทำให้เราต้องค้นหาวิธีการที่ทำให้สามารถเอาตัวรอดไปให้ได้ มันจะเป็นตัวกระตุ้นให้เราเดินหน้าต่อไปด้วยความพยายามที่เรามีจนถึงที่สุด ในที่นี่ก็คือเจ้าความยากจนที่กำลังไล่ตามเราอยู่ เราจะต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อไม่ให้มันตามทัน เราหยุด 1 ก้าว มันก็จะขยับเข้าหาเราอีก 1 ก้าว



       หากจะเปรียบความยากจนเป็นอัตราเงินเฟ้อ ก็คงจะพอเปรียบเทียบได้ เพราะโลกทุกวันนี้นี้ต้องเผชิญกับข้าวของที่ราคาแพงขึ้น ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นปีละ 3% นั่นแปลว่าเงิน 100 บาทในวันนี้ หากไม่นำไปลงทุนหรือฝากธนาคาร ใน 1 ปีข้างหน้าเงิน 100 บาทจะเหลือเพียง 97 บาท ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? เพราะข้าวของเครื่องใช้ เมื่อเวลาผ่านไปราคาจะขยับเพิ่มขึ้นนั่นเอง เช่น ปกติเราซื้อข้าว 20 บาท/จาน ผ่านไปอีกปีราคาข้าวเพิ่มขึ้นเป็น 25 บาท/จาน ทำให้อำนาจซื้อในเงิน 100 บาทลดลง นั่นจึงแสดงให้เห็นว่าเราเริ่มจนลง เพราะความยากจนไล่ตามเราอยู่ตลอดเวลา

         เราลองมาเปรียบเทียบชีวิตของคนเรากับนิทานกระต่ายกับเต่าดูบ้าง เราคงเปรียบได้ว่าคนจนก็คือเต่า ส่วนคนรวยก็คือกระต่าย หากทั้งสองต้องมาวิ่งแข่งกัน แน่นอนว่ากระต่ายยังไงก็ชนะ เพราะกระต่ายมีทุนสูงกว่า เช่น ขายาวกว่า มีพละกำลังเยอะกว่า การจะก้าวเดินไปสู่เส้นชัยจึงง่ายกว่ามาก แล้วเต่าล่ะ การจะเดินไปในแต่ละครั้งเชื่องช้าจนไม่รู้ว่าเส้นชัยนั้นอยู่ที่ไหน แต่อย่าลืมว่าเส้นชัยมันก็ไม่ได้หนีเราไปไหน มันยังคงอยู่ที่เดิม หากวันนี้เต่าน้อยพยายามมากขึ้น ลองหาเส้นทางลัดที่จะสามารถไปสู่เส้นชัยได้เร็วขึ้น สักวันก็จะไปถึงเส้นชัยได้แน่นอน ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องไปเปรียบเทียบกับกระต่าย เพราะฐานะหรือทุนของเขาต่างกับเรามาก เราลองต่อสู้กับตัวเองและใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีนำพาเราสู่เส้นชัย

       สรุปก็คือ ผมอยากจะให้ทุกคนเปลี่ยนความคิดให้เราทำอะไรก็ได้ให้ไม่จน อย่าให้ความจนไล่ตามเราทัน เพราะการคิดที่เปรียบเสมือนมีสิ่งที่เลวร้ายไล่ตามเราอยู่ตลอดนั้น มันจะทำให้เรารู้สึกกลัวและไม่อยากพบเจอกับสิ่งเลวร้ายนั้น แล้วมันก็จะกระตุ้นให้เราทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดจากมันนั่นเอง อย่าลืมนะครับว่า " ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งที จงทำชีวิตของเราให้มีความสุขที่สุด " 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น