Gag

วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

นิยามคำว่า "รัก" Love Story

      นิยามคำว่า "รัก" Love Story

       ในตอนนี้หลายๆคนคงจะกำลังค้นหาความรัก ว่าความรักของเรานั้นอยู่ที่ใดหนอ อายุจะขึ้นต้นเลขสาม แล้วยังหาไม่เจอสักที แต่หลายๆคนก็กำลังมุ่งมานะในการสร้างฐานะของตนให้ร่ำรวย เพื่อที่วันหนึ่งจะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย หรือที่เรียกว่า "อิสรภาพทางการเงิน" (Financial Freedom)



       ไม่ว่าคุณจะกำลังค้นหาความรักหรือไม่ก็ตาม สิ่งสำคัญที่คุณจะต้องไม่ลืมนั่นก็คือ สิ่งที่ทำให้คุณได้มีชีวิต ได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้ ได้มาพบเห็นผู้คนมากมาย ซึ่งก็คือ พ่อกับแม่ของเรานั่นเอง เราควรจะตอบแทนบุณคุณของท่านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่จะทำอะไรก็ตามเพื่อแฟนของคุณ ลองใช้จินตนาการเปลี่ยนฐานะแฟนของคุณให้เป็นแค่เพื่อนหรือคนธรรมดาก่อน แล้วลองคิดว่า เรามีความจำเป็นอะไรถึงจะต้องทำสิ่งเหล่านั้นเพื่อคนๆนี้ ถ้าคำตอบของคุณคือ "ก็เราอยากใช้ชีวิตอยู่กับคนๆนี้ไปตลอดชีวิต" ผมบอกได้เลยว่ายังคิดน้อยเกินไป เพราะในอนาคตคุณจะต้องเลี้ยงดูแฟนของคุณให้ได้ (กรณีผู้ชาย) อีกทั้งคุณจะต้องรับอารมณ์ต่างๆของแฟนคุณ คุณจะต้องยอมรับการใช้ชีวิตปกติของแฟนคุณให้ได้ (มีเวลาน้อย มีเวลาให้มาก)

       ยอมรับเลยว่าในสมัยเด็กๆ (ประมาณ 12 ขวบ) ตัวผมก็เริ่มมีความคิดที่จะชอบเพื่อนผู้หญิงในชั้นเรียนแล้ว ซึ่งหลายคนคงจะมองว่าไวเกินไป แม้แต่ญาติพี่น้องหรือพ่อแม่ก็ไม่อยากให้เรามีแฟนในวัยเรียนกันทั้งนั้น ซึ่งนั่นก็เป็นความคิดที่ถูกต้อง เพราะในวัยเรียนหากเรามีแฟนขึ้นมา ตอนคบกันใหม่ๆเราอาจจะรู้สึกมั่นใจว่า "ในอนาคตเราจะไม่เลิกกันแน่นอน และเราก็จะไม่มีทางทะเลาะกัน" ซึ่งมันเป็นความคิดที่ปิดบังความจริงอยู่ เพราะเราไม่สามารถล่วงรู้อนาคตได้เลย พอคบกันไปนานๆมันจะต้องมีรู้สึกเบื่อกันบ้างอย่างแน่นอน ดังนั้นสิ่งสำคัญเมื่อเรามีแฟนก็คือ เราจะทำอย่างไรให้เราทั้งคู่รู้สึกเหมือนคบกันใหม่ๆ อยู่เสมอ

       มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ผมอยากจะแชร์มุมมองหนึ่งของผมในเรื่องความรัก หลายๆคนเมื่อได้เจอกับคนที่ชอบก็มักจะพยายามหาหนทางในการจีบ เพื่อให้ได้เธอผู้นั้นมาครอบครองให้เร็วที่สุด แต่กลับลืมคิดไปว่าความรักที่เกิดขึ้นได้เร็ว มันก็อาจจากไปเร็วเช่นกัน ลองนึกดูดีๆว่า ทำไมเขาถึงชอบเราเร็วขนาดนี้ ทั้งที่เราก็ตามจีบอยู่ไม่กี่วัน มันแสดงให้เห็นว่าคนที่เราจีบอยู่เป็นคนใจง่ายหรือเปล่า แล้วเขาจะทำแบบนี้กับคนอื่นหรือเปล่าเมื่อเขาเจอคนที่ดีกว่าเรา

       ดังนั้นเพื่อที่จะทำให้ความรักเป็นสิ่งที่ดูแล้วยิ่งใหญ่และมีค่าสำหรับเรา เราก็ควรจะแบ่งเวลาให้กันและกัน คนที่รู้จักกันใหม่ๆก็ควรเคารพอีกฝ่ายที่เขาเคยมีเวลาส่วนตัวตามปกติ คนที่รู้จักกันนานแล้วก็ค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์ไปพร้อมๆกัน

      หากเปรียบระยะทางเหมือนก้าวเดินของแต่ละฝ่าย


       ก้าวแรก คือ ก้าวแห่งการรู้จักกัน อาจจะเป็นแค่เพื่อน หรือคนรู้จักที่ได้คุยกัน ในก้าวนี้คงไม่ต้องคิดอะไรมากกว่าการที่ได้คุยกัน ทั้ง 2 ฝ่ายก็คงมีความสุขที่ได้พูดคุยกันแล้วล่ะ ซึ่งพอคุยกันไปนานๆเข้า ก็จะเกิดความเชื่อใจกันเอง ส่งต่อการพัฒนาไปยังก้าวที่สอง
       ก้าวที่สอง คือ ก้าวแห่งความสนิท เป็นการพัฒนามาจากก้าวแรก ก้าวนี้ทั้ง 2 ฝ่ายจะมีความเชื่อใจกันมากขึ้น ได้ไปเที่ยวหรือออกเดทด้วยกันบ่อยๆ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินว่าเราทั้งคู่เป็นแฟนกัน แค่เป็นคนที่รู้ใจ ไปไหนด้วยกันได้อย่างมีความสุข
       ก้าวที่สาม คือ ก้าวแห่งการเปิดใจ เป็นก้าวทีมีความสำคัญที่ทั้งคู่จะเริ่มเปิดใจว่าแต่ละฝ่ายรู้สึกระหว่างกันอย่างไร หากสามารถพัฒนามาจนถึงก้าวที่สามได้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว

       บางคนเห็นคนที่ตนเองชอบ ก็ข้ามไปก้าวที่สามเลย โดยที่อีกฝ่ายยังไม่ได้เริ่มออกเดินสักก้าว สุดท้ายคนทีอยู่ก้าวที่สามก็ต้องรอต่อไป อีกทั้งยังเหมือนบีบคั้นให้อีกฝ่ายที่ยังไม่เริ่มก้าวเดินอึดอัด ลำบากใจซะอีก

       กว่าที่จะผ่านมาแต่ละก้าวได้ ใช่ว่าหนทางนั้นจะโรยด้วยกีบกุหลาบ ไหนจะต้องพบเจออุปสรรคต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็น บุคคลที่สาม ปัญหาชีวิตของแต่ละฝ่าย ความคิดเห็นจากครอบครัว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่จะพิสูจน์ว่าเราจะฟันฝ่ามันไปได้อย่างไร แต่ขอยืนยันเลยว่าถ้าทั้งสองฝ่ายมีความเชื่อใจกัน ต่อให้มีปัญหาอะไรก็สามารถผ่านไปได้ครับ

       อยากฝากไว้ว่าความรักให้วัยเรียนเป็นสิ่งที่ดีเช่นกันนะครับ ถ้าเรารู้จักควบคุมให้พอดี ลองให้ความรักทำให้เราอยากไปโรงเรียนทุกวัน เพราะอยากเจอหน้าคนที่เรารัก หรือคนที่เราแอบชอบ แบบนี้ก็เป็นความสุขเล็กๆเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ว่าเอาแต่แอบมองจนไม่เป็นอันเรียนเลยล่ะ เดี๋ยวจะเสียการเรียน ฮ่าๆๆ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น