Gag

วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

พอสักทีกับตรรกะ "มีเงินแต่ไม่มีความสุข"

     
       ก่อนอื่นขอบอกว่าผมไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับตรรกะนี้นะ เพียงแต่ผมมีความคิดเห็นว่า ตรรกะนี้ทำให้คนไม่อยากพัฒนาตนเองเพื่อที่ในอนาคตจะได้รับสิ่งดีๆหรือผลตอบแทนจากการทำงานให้มากขึ้น เพราะในเมื่อคนไม่เห็นความสำคัญของเงิน ในใจของคนๆนั้นจะรู้สึกว่าผลตอบแทนมันเพียงพอแล้วสำหรับเขา ชีวิตคงไม่ต้องการความสุขอะไรไปมากกว่านี้ ทั้งๆที่ในใจก็อยากมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่ต้องมานั่งทำงานให้เหนื่อยทุกๆวัน ไม่ต้องทำ OT ไม่ต้องกังวลว่าวันไหนเจ้านายจะบ่นเรื่องงาน ดังนั้นจงเปลี่ยนความคิดซะเดี๋ยวนี้ อย่าให้ตรรกะที่ฟังเหมือนดูดีมาบดบังอิสรภาพของคุณ

       ผมมีความคิดอยู่หนึ่งอย่างที่ตรงกับหนังสือเล่มหนึ่ง คือ ผมอยากจะเปลี่ยนตรรกะดังกล่าวเป็น "เงินสามารถซื้อความสุขได้ แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง" (ในหนังสือ งานไม่ประจำทำเงินกว่า ของพี่บอยวิสูตร)
ลองคิดดูให้ดีว่าทุกวันนี้คุณทำงานเพื่ออะไร คงจะไม่มีใครตอบว่า ชอบการทำงาน ชอบเหนื่อยก็เลยทำ แต่ทุกคนทำงานเพื่อที่จะมีเงิน พอมีเงินก็จะนำไปซื้อข้าวที่เราอยากกิน ซื้อบ้านที่เราอยากอยู่ ซื้อรถที่เราอยากขับ ให้พ่อให้แม่ได้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และสิ่งสำคัญมากไปกว่าการซื้อสิ่งของเหล่านี้ก็คือการซื้อสุขภาพที่ดี

     ผมเชื่อว่าหลายๆครอบครัวคงจะปลูกฝังให้ลูกหลานเป็นคนดี อย่าเห็นเงินเป็นสิ่งสำคัญจนเกินไป แต่ผมอยากจะขอแย้งเพียงนิดนึงว่า เงินเป็นสิ่งอันดับแรกๆที่คุณควรจะต้องให้ความสำคัญ แต่เงินที่ได้มาต้องเป็นเงินที่สุจริตอย่างแท้จริง ไม่คดโกง ไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมหรืออำนาจเพื่อเอาเปรียบคนอื่น จงอย่าไปกลัวว่าคนอื่นจะกล่าวหาว่าเราเป็นพวกหน้าเงิน เพราะเราทำอาชีพสุจริต ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่อย่างงั้นคนรวยๆก็ถูกหาว่าหน้าเงินไปหมดสิ

       คุณพอล ภัทรพลเคยเล่าเรื่องอิสรภาพทางการเงิน ในคลิบโปรโมตหนังสือ "เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร " อิสระภาพทางการเงินเปรียบเสมือนการทำการบ้าน ลองนึกย้อนไปในสมัยเราเรียนหนังสือ คุณครูมักจะให้การบ้านเรามาทำที่บ้าน ถ้าทำไม่เสร็จก็จะไม่ได้คะแนน ทีนี้ลองมาเปรียบกับชีวิตจริงถ้าเราไม่ทำการบ้านเรื่องเงิน เราก็จะไม่ได้มีชีวิตที่มีความสุขในวันข้างหน้า ดังนั้น จงรีบทำการบ้านให้เสร็จตั้งแต่วันนี้ เพื่อที่คุณจะได้มีชีวิตที่สุขสบายในอนาคต



       ลองถามว่า ตั้งแต่เกิดมาจนคุณอายุ 40 คุณใช้ชีวิตโดยไม่เห็นความสำคัญของเงิน คุณใช้ชีวิตไปวันๆ สร้างความสุขขึ้นมาตราบเท่าที่เงินเรามี จนวันหนึ่งพ่อแม่ของคุณป่วยขึ้นมาและต้องเข้ารับการรักษาที่มีค่ารักษาพยาบาลแพงมากเป็นหลักแสนหลักล้าน คุณจะยังเห็นว่าเงินมีความสำคัญอยู่มั๊ย ถึงตอนนั้นแม้คุณจะสามารถหนทางแก้ไขปัญหาการเงินได้ เช่น ไปกู้ธนาคาร ไปยืมญาติพี่น้อง แต่มันก็กลับกลายเป็นสร้างภาระหนี้สินให้กับครอบครัว แล้วต่อจากนั้นคุณจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไร

       อนาคตเป็นสิ่งที่เราคาดเดาไม่ได้ แต่ชีวิตของเราถ้าเรามีความพยามยามในวันนี้ สักวันหนึ่งมันก็จะต้องประสบความสำเร็จ เส้นชัยยังคงรอเราอยู่ที่เดิมเสมอ มันไม่เคยวิ่งหนีเราไปไหน มีเพียงแต่ความท้อแท้ ความขี้เกียจ และความกลัว เท่านั้นที่ทำให้เราไปไม่ถึงเส้นชัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น